Botulinum Toxin

Botulinum Toxin หรือโบท็อกซ์ คือ นวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อการลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าและกระชับลำคอ ฟื้นฟูผิว รวมไปถึงยังสามารถนำมาใช้ทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ คลายตัว เช่น กล้ามเนื้อในส่วนกราม หรือกล้ามเนื้อส่วนน่อง สารที่คนนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า โบท็อกซ์นี้ จริง ๆ แล้วก็คือสารชนิดหนึ่งที่ได้จากกระบวนการสกัดแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เมื่อนำมาใช้ในทางการแพทย์อย่างถูกต้องก็จะมีประโยชน์อย่างมากต่อการรักษาภาวะต่าง ๆ มากมาย โดย Botulinum Toxin ยังสามารถแบ่งย่อยได้อีกหลายชนิด แต่ที่นำมาใช้ในด้านความงามเพื่อการลดริ้วรอย และจัดได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุดจะเป็น Botulinum Toxin Type A นั่นเอง

เรามักฉีดโบท็อกซ์ตําแหน่งไหนและช่วยอะไรได้บ้าง ?

       ในปัจจุบันเราสามารถฉีดโบท็อกซ์ได้หลายจุดมาก เนื่องจากวิทยาการเทคนิคทางการแพทย์ก้าวหน้าและพัฒนาไปจากแต่ก่อนมาก ทำให้สามารถประยุกต์การฉีดเพื่อแก้ปัญหาบนใบหน้าและร่างกายได้หลากหลายมากขึ้น โดยที่ยังคงมีความปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย โดยตำแหน่งหลัก ๆ ที่นิยมฉีดโบท็อกซ์มีดังนี้

        1. ฉีดโบท็อกซ์บริเวณใบหน้า บริเวณใบหน้าตามจุดต่าง ๆ มักจะเกิดปัญหาเรื่องริ้วรอย จึงเป็นตำแหน่งแรกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งสามารถฉีดได้ตั้งแต่หน้าผาก หางตา หว่างคิ้วเพื่อการลดริ้วรอย ปีกจมูก โหนกแก้ม คาง และปาก โดยการฉีดที่ตำแหน่งใบหน้าจะเลือกฉีดเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุด หรือจะฉีดเพื่อปรับรูปหน้าโดยรวมให้ออกมาดูเรียวก็ได้ งมีกล้ามเนื้อปูดออกมา น่องใหญ่ ขาดูไม่สวย

       2. ฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า การฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าด้วยเทคนิคเฉพาะ Dermo Lift คือการฉีด Botulinum Toxin เข้าที่บริเวณลำคอ เพื่อให้กล้ามเนื้อผิวหนังบริเวณลำคอคลายตัว และไม่ดึงผิวที่บริเวณใบหน้าลงมา ช่วยให้ผิวบริเวณใบหน้าดูยกกระชับขึ้น และมองเห็นกรอบหน้าได้อย่างชัดเจน

       3. ฉีดโบท็อกซ์กราม ในคนที่มีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อกราม (สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยการลองกัดฟัน แล้วจะมีก้อนแข็ง ๆ บริเวณแก้ม) สามารถฉีด Botulinum Toxin เข้าไปที่ตำแหน่งกราม เพื่อทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามทำงานลดลง และมีขนาดเล็กลงได้ ซึ่งจะช่วยกระชับกรอบหน้าและทำให้ใบหน้าดูเข้ารูปมากขึ้น

       4. ฉีดโบท็อกซ์บ่าและแขน ในผู้หญิงบางคนที่ออกกำลังกายจนบ่าใหญ่ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แขนบ่อย ๆ จนทำให้ชั้นกล้ามเนื้อบริเวณแขนหนาขึ้นเรื่อย ๆ แล้วทำให้เวลาใส่เสื้อผ้าอาจจะดูไม่สวย ถ้าหากต้องการลดขนาดบ่าและแขนลงก็สามารถฉีด Botulinum Toxin เข้าไปที่บริเวณกล้ามเนื้อแขนและบ่าเพื่อลดขนาดลงได้เช่นกัน

       5. ฉีดโบท็อกซ์รักแร้ การฉีดโบท็อกซ์รักแร้จะช่วยลดเหงื่อและลดกลิ่นตัวได้ โดยสาร Botulinum Toxin จะเข้าไปยับยั้งเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงต่อมเหงื่อ ทำให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อลดลง บริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์จึงมีเหงื่อออกน้อยลง การฉีดโบท็อกซ์รักแร้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกที่รักแร้จนเปียกชุ่ม จนทำให้มีปัญหาเรื่องกลื่นตัวตามมา ส่งผลต่อบุคลิกภาพและขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิต

       6. ฉีดโบท็อกซ์น่อง การฉีดโบท็อกซ์น่องจะมีหลักการทำงานเหมือนกับการฉีดโบท็อกซ์บ่าและแขน คือ จะเข้าไปลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณน่องและทำให้ขาดูเรียวสวยขึ้น เหมาะสำหรับผู้หญิงบางคนที่ต้องสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำ หรือต้องยืนติดต่อกันนาน ๆ เป็นประจำทุกวัน จนทำให้น่อ

Botulinum Toxin แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร ?

อย่างที่ทราบกันว่าในปัจจุบัน Botulinum Toxin

นั้นมีให้เลือกใช้อยู่หลายยี่ห้อ ความหลากหลายนั้นก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง ข้อดีก็คือ ทำให้มีทางเลือกในผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาใช้แก้ปัญหาที่หลากหลายและครอบคลุม ส่วนข้อเสียก็คือ ทำให้เกิดความยากในการตัดสินใจที่จะเลือก สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะเลือกฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี THE RITZ CLINIC จะพาไปดูเองว่า โบท็อกซ์ยี่ห้อหลัก ๆ ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร

Aestox

เป็นโบท็อกจากเกาหลีที่เพิ่งเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ตัวยามีความบริสุทธิ์ 99.5% การกระจายตัวยาแคบ ออกฤทธิ์แม่นยำตรงจุด

Nabota

เป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจากอย.อเมริกา U.S.FDA approved (2018) จุดเด่นความบริสุทธิ์ถึง 98.7% ที่เน้นการพัฒนาให้ออกฤทธิ์ไว เหมาะกับคนที่ต้องการผลโบท็อกแบบเร่งด่วน

Allergan

โบท็อกจากอเมริกาจะให้ผลการรักษาที่แม่นยำที่สุด ยากระจายตัวแคบที่สุด หมอจะสามารถคาดคะเน การออกฤทธิ์ของโบท็อกได้แม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุด

Dysport

เป็นโบท็อกซ์สัญชาติอังกฤษที่มีคุณสมบัติในการกระจายตัวได้ดี และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ทำงานโดยลดการทำงานกล้ามเนื้อในบริเวณนั้น ทำให้ขนาดกล้ามเนื้อลดลงและนิยมใช้ในการลิฟต์กรอบหน้า ปรับรูปหน้า ยกกระชับผิว และฉีดเฉพาะจุด เช่น น่องขา แขน และรักแร้

หลังฉีด Botulinum Toxin แล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไร

ผลลัพธ์และผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อกซ์

การฉีดโบท็อกซ์ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและเป้าหมายในการรักษา โดยสามารถแบ่งรายละเอียดได้ดังนี้

ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ในแต่ละบริเวณ

🔹 ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย เริ่มรู้สึกตึงบริเวณรอบ ๆ ที่ฉีดภายใน 3 – 7 วัน ริ้วรอยลดลงอย่างเต็มที่ภายใน 2 – 4 สัปดาห์
🔹 ฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า เริ่มเห็นผลประมาณ 2 สัปดาห์ กรอบหน้าดูกระชับและชัดขึ้นภายใน 1 เดือน
🔹 ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม
1 สัปดาห์แรก เวลากัดฟันกรามจะเด้งเพียงเล็กน้อย
2 สัปดาห์ กัดฟันแล้วกรามจะไม่เด้ง
2 – 3 เดือน กรามจะดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
🔹 ฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ เหงื่อบริเวณที่ฉีดลดลงและเห็นผลเต็มที่ภายใน 2 – 4 สัปดาห์
🔹 ฉีดโบท็อกซ์บ่า แขน และน่อง บริเวณนี้มีขนาดกล้ามเนื้อใหญ่กว่าส่วนอื่น เห็นผลชัดเจนภายใน 3 เดือน

ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

โบท็อกซ์สามารถคงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้อย่างต่อเนื่อง ควรเข้ารับการฉีดซ้ำตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ

ผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อกซ์ แม้ว่าโบท็อกซ์จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและได้รับการยอมรับทั่วโลก แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้

⚠️ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
✅ บวม แดง รอยช้ำ หรือเขียวบริเวณที่ฉีด
✅ อาการแพ้ เช่น เห่อแดง หรือระคายเคือง
✅ หน้าแข็งตึง ไม่สมมาตร หรือยิ้มไม่ได้ หากฉีดผิดตำแหน่งหรือปริมาณมากเกินไป
✅ หนังตาตก เนื่องจากกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราว
✅ หางคิ้วกระดก ทำให้คิ้วเลิกสูงขึ้น หรือเกิดรอยย่นข้างคิ้ว

💡 วิธีหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง

ฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เลือกใช้ Botulinum Toxin ของแท้ ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย
ฉีดในปริมาณและตำแหน่งที่เหมาะสม 📌 หากต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ 💉✨